โปรไบโอติก คืออะไร ทำไมในอนาคตถึงจะถูกทดแทนด้วย Postbiotics ?

โปรไบโอติก

ก่อนหน้านี้ได้เคยเขียนบทความที่อธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่าง Prebiotics, Probiotics, Synbiotics และ Postbiotics ไปแล้ว รวมทั้งได้อธิบายตัวเลือกในการรับประทานอะไรดีระหว่างProbiotics กับ Postbiotics 2 ตัวนี้ เลือกอะไรดีมีประโยชน์มากกว่ากัน

ในบทความนี้ จะมาสรุปแบบสั้นๆ ให้เข้าใจง่ายๆ ระหว่าง 4 ตัวนี้

  • Prebiotics คือ อาหารของจุลินทรีย์ Probiotics
  • Probiotics คือ กลุ่มจุลินทรีย์ดีที่มีชีวิต และมีประโยชน์ต่อร่างกายของมนุษย์ โดยเฉพาะในระบบลำไส้ และระบบทางเดินอาหาร
  • Synbiotics คือ ผลิตภัณฑ์ที่มีทั้ง Prebiotics และ Probiotics ผสมอยู่รวมกัน เนื่องจากจุลินทรีย์ Probiotics ยังมีชีวิต จึงต้องการสารอาหาร หากขาดสารอาหาร (Prebiotics) ก็ดำรงอยู่ไม่ได้ จึงต้องมีการเติมอาหารลงไปเพื่อเลี้ยงจุลินทรีย์ (Probiotics)
  • Postbiotics คือ สารที่ดีมีประโยชน์ ที่ได้จากการผลิตขึ้นจากภายในเซลของ Probiotics ที่ยังมีชีวิต และะสารที่ได้จากการสลายผนังเซลของ Probiotics ซึ่ง Postbiotics นั้นจะไม่มีชีวิตแล้ว (Life probiotics) ร่างกายจึงสามารถดูดซึมเข้าไปใช้ได้ทันที
โปรไบโอติก อาหาร

ประโยชน์ของโปรไบโอติก คืออะไร?

จากเอกสาร ผลวิจัยทางการแพทย์ต่างๆ ทั่วโลก ที่ได้รวบรวมแล้ว สรุปได้ว่าในเชิงการแพทย์แล้วนั้น โปรไบโอติก ช่วยอะไรบ้าง ดังนี้

  • เพิ่มและปรับสมดุลในระบบภูมิ ซึ่งจะสัมพันธ์เกี่ยวโรคเกี่ยวกับภูมิทุกแทบทุกชนิด เช่นภูมิแพ้ แพ้ภูมิ มะเร็ง ไวรัส สิ่งแปลกปลอม เชื้อโรคต่างๆ
  • ลดการอักเสบ ผลจากการอักเสบ เช่นไข้ บวม ผื่น แผล คัน ตุ่ม ผนังหลอดเลือดมีปัญหา และมีหลายอาการ
  • สร้างสารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงสารพิษ เช่น Polyphenols
  • ป้องกัน ยับยั้ง เนื้องอก รวมถึงมะเร็ง
  • ป้องกันการติดเชื้อ ยับยั้งการติดเชื้อต่างๆ
  • ป้องกันภาวะหลอดเลือดแข็งตัว
  • ทำให้เซลล์ซ่อมตัวเองได้ดี
  • กระตุ้นการรักษาแผลทุกชนิด
  • ผลิตเอ็นไซม์ต่างๆ
  • ช่วยรักษาสมดุลของระบบในลำไส้ ซึ่งจะส่งผลระบบสมอง และฮอร์โมน
  • ป้องกันการติดเชื้อและการติดเชื้อในกระแสเลือด
  • เพิ่มการดูดซึมสารอาหารต่างๆ
  • ผลิตสารสำคัญ ที่ช่วยป้องกัน และยับยั้งเชื้อไวรัส กลุ่มพวก Covid, smallpox, Monkeypox, Influenza, SARS, MERS เช่น พวก Protease Inhibitor, Reverse Transcriptase Inhibitor, RdRp Inhibitor Etc
  • สร้างสารปฏิชีวนะที่สำคัญในการกำจัดเชื้อโรค เช่น Bacteriocins, Pediocin, Iturin
  • สร้างสารสำคัญที่ใช้ในระดับเซลล์ เพื่อป้องกันการเสื่อม ช่วยซ่อมแซม และยืดอายุของเซลล์
  • สร้างสารสำคัญ เช่น Amino acid ( ซึ่งช่วยป้องกัน ฟื้นฟู สมอง ไต และหลอดเลือดหัวใจ) Folate, antioxidant agents, Vitamin B12,Vitamin K และสารอื่นๆ ที่ช่วยป้องกันหลอดเลือด ช่วยเรื่องการเผาผลาญ Cholesterol

ข้อเสียของโปรไบโอติก ผลข้างเคียงต่างๆ

ถึงแม้ผลวิจัยทางด้านการแพทย์ ได้แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของ Probiotics อย่างมากมาย แต่การที่จะบริโภคเข้าไป เพื่อให้ได้ประโยชน์ตามที่กล่าวนั้น ก็มีข้อจำกัดต่างๆมากมาย ได้แก่

  • กลุ่มจุลินทรีย์จะต้องมีหลากหลาย มีปริมาณที่มาก และอยู่ในระบบที่สมดุลระหว่างชนิดและประเภทของจุลินทรีย์ในร่างกาย
  • จะต้องบริโภคอาหารที่เป็นชนิด Prebiotics ให้เหมาะสมเพื่อจุลินทรีย์แต่ละชนิดจะได้ดำรงอยู่แบบสมดุล และส่งเสริมกัน
  • จะต้องไม่กินยาประเภท Antibiotics หรือสารเคมีที่ทำร้ายจุลินทรีย์ และทำลายความสมดุล รวมถึงยาเคมีประเภทต่างๆ ที่ทำร้ายจุลินทรีย์ เช่นยาเคมีรักษามะเร็ง เป็นต้น
  • จะต้องระวังอาหารที่ทำลายความสมดุล และส่งเสริมจุลินทรีย์ตัวร้าย เช่นน้ำตาล ไขมัน สารพิษ ยาฆ่าแมลง สารกำจัดศัตรูพืช โลหะหนัก และสารพิษ เป็นต้น
  • ต้องสร้างปัจจัยเสริม เช่น การออกกำลังกาย การพักผ่อน การนอนหลับ การรักษาระดับความเครียด สภาพแวดล้อม และมลพิษต่างๆ
โปรไบโอติก กินตอนไหน

แบรนด์โปรไบโอติก ยี่ห้อไหนดี

ถ้าศึกษาและทำความเข้าใจเป็นอย่างดี เรื่องแบรนด์ หรือยี่ห้อของโปรไบโอติก มีอะไรบ้าง อาจไม่มีความสำคัญเท่ากับการเข้าใจถึงข้อจำกัดของการรับประทาน Probiotics เพราะในทางปฏิบัตินั้นเป็นการยากมาก ที่จะได้รับประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น

  • Probiotics เป็นสิ่งมีชีวิต มีปัจจัยสภาวะแวดล้อม อาหาร การใช้อากาศ การเลี้ยงให้ได้ทั้งปริมาณและสมดุลครบ ทำไม่ได้ง่ายๆ เพราะแต่ละชนิดต้องการอาหารไม่เหมือนกัน บางชนิดต้องการอากาศ บางชนิดไม่ต้องการอากาศ เป็นต้น
  • Probiotics เป็นสิ่งมีชีวิต ควบคุมเพื่อได้ผลตามต้องการไม่ได้ ไม่ใช่อุตสาหกรรม เพราะมีปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น อายุการเก็บ การเก็บรักษา เงื่อนไขการเก็บ การเคลื่อนย้าย การเพิ่มปริมาณ ข้อกังวลด้านความปลอดภัย ข้อจำกัดในการผลิต การขึ้นทะเบียน การแสดงสรรพคุณ ล้วนมีข้อจำกัดตามที่กล่าว

“สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นปัจจัยที่ส่งเสริม หรือทำลายระบบจุลินทรีย์ในร่างกายทั้งสิ้น ซึ่งเป็นเหตุผลว่า แม้เราจะกิน Probiotics ยี่ห้อไหน ปริมาณมากเท่าไร ก็จะไม่เกิดประโยชน์อย่างที่ผลวิจัยกล่าวอ้าง”


ทำไม Postbiotics จึงเป็นทางออกและเป็นคำตอบในเชิงการแพทย์

หากศึกษาเรื่องนี้อย่างเข้าใจแล้ว จะทราบว่าเราต้องการอะไรจริงๆ และอะไรคือสิ่งสำคัญสำหรับร่างกาย คำตอบก็คือ เราต้องการสิ่งที่ Probiotics ผลิตขึ้น รวมถึงผลผลิตจาก Probiotics แทนที่เราจะต้องกิน Probiotics เพื่อให้ได้ปริมาณมาก หลากหลาย และกินให้ครบ และปรับระบบสภาพแวดล้อมในระบบลำไส้เรา ทั้งหมดทั้งมวลเหล่านี้ ซึ่งมันแทบเป็นไปไม่ได้เลย เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา

ดังนั้น ทางออกในปัจจุบัน คือ เราเลี้ยง Probiotics ในห้องแลป สภาพที่ควบคุมได้ จัดประเภทได้ แล้วจึงสกัดเอาสารที่มีประโยชน์ สิ่งที่ Probiotics ผลิตขึ้นมา แล้วบรรจุลงในแคปซูล จากนั้นก็แค่กินสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเข้าไป ไม่ต้องมากังวลว่าควรกินตอนไหนถึงจะได้ผลดี ซึ่งตรงนี้แหละคือ “POSTBIOTICS” ที่จะกลายเป็นสิ่งได้รับความนิยมในอนาคต


การกินโปรไบโอติก อาจไม่ช่วยอะไรอีกต่อไป

ในเมื่อทุกวันนี้ ผลิตภัณฑ์โพสต์ไบโอติกส์ ได้พัฒนามาไกลแล้ว จนสามารถบรรจุสารที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกายลงในแคปซูล ทำให้ง่ายต่อการบริโภค และเก็บรักษา ดังนั้น การกินพรีไบโอติกส์ โพรไบโอติกส์ หรือ ซินไบโอติกส์ จึงไม่ได้มีความจำเป็นอีกต่อไป ทำให้เสียเงิน และเสียเวลา ไปกับการดูแลร่างกายแบบอ้อมๆมากกว่า แทนที่จะรับประทานสารที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างโพสต์ไบโอติกส์โดยตรง

ศึกษาผลการวิจัย และข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ BPL Postbiotics ได้ที่ลิงค์นี้

โพสต์ไบโอติกส์

ติดต่อสอบถามทางไลน์ @erevthai

Rating: 5 out of 5.