รวม 7 คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับต้นโมกราคาเท่าไหร่ ชอบแดดไหม ฯลฯ

ต้นโมกราคา
Contents hide

ต้นโมกคือต้นไม้ที่คนไทยนิยมปลูกประดับตกแต่งบ้าน หรือนิยมนำมาปลูกทำรั้วต้นไม้ เพราะเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลาง ที่มีความสูงอย่างเหมาะสม เหมาะสำหรับการปลูกเป็นรั้ว หรือประดับในสวน ลักษณะลำต้นมีสีน้ำตาลเรียบแตกกิ่งแตกก้านได้ดี ใบเล็กมีลักษณะเป็นรูปไข่ที่ให้ความรู้สึกสบายตา ส่วนดอกสีขาวที่ออกเป็นช่อบริเวณปลายกิ่งมีกลิ่นหอมชื่นใจ รู้สึกผ่อนคลายแก่ผู้อยู่อาศัย

แต่ด้วยความที่ต้นโมกเป็นต้นไม้ที่ได้รับความนิยม จึงมีคำถามต่างๆมากมาย เช่น ต้นโมกราคาเท่าไหร่ ดูแลยากไหม? ทาง organicslife.co จึงได้รวบรวมคำถามต่างๆมารวบรวมเป็นหมวดหมู่ ให้ง่ายต่อการศึกษาทำความเข้าใจ สำหรับผู้ปลูกมือใหม่และมืออาชีพ

ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เขียนบทความแนะนำเกี่ยวกับการปลูกรั้วต้นไม้อะไรดี ระหว่างต้นโมกและไทรเกาหลี สามารถไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความนี้ “รั้วต้นไม้สวยๆปลูกอะไรดี ไทรเกาหลีหรือต้นโมก”

ต้นโมก (mok) หรือที่เรียกกันในชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Wrightia religiosa Benth นับเป็นพรรณไม้ในวงศ์ APOCYNACEAE นิยมปลูกกันแพร่หลายในพื้นที่เขตร้อน เช่น ในประเทศไทย ประเทศอินเดีย และประเทศ อื่นๆ ในแถบอาเซียน ด้วยความสวยงามที่อ่อนช้อยของดอกสีขาวและกลิ่นหอมที่เย็นสบาย จึงทำให้ต้นโมกเป็นที่นิยมสำหรับการนำมาปลูกประดับในบ้านเรือนและสถานที่ต่างๆ เพื่อเพิ่มความงดงามและความสุขในใจให้กับผู้ที่ได้พบเห็น รวมทั้งยังมีค่าใช้จ่ายในการดูแลที่ไม่สูงมาก และการปลูกต้นโมกหน้าบ้านยังมีความหมายดีๆ เชื่อมโยงไปถึงความสงบ และความบริสุทธิ์ของจิตใจ

ในด้านความหมายและความเชื่อ เราพบว่าต้นโมกเป็นสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์และสงบเงียบ ด้วยการเป็นต้นไม้ที่สืบทอดความเชื่อตั้งแต่โบราณ ว่าเป็นช่วยคุ้มครองจากสิ่งอันตราย ชึ่งมีการตั้งชื่อพื้นเมืองที่หลากหลายเช่น โมกพุ่ม หรือ โมกพวง รวมถึงโมกซ้อน เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าที่ผู้คนในสมัยก่อนมอบให้ จนสืบทอดมาถึงยุคสมัยนี้ นอกจากความหมายซึ่งซ่อนอยู่ในการปลูกต้นโมก และยังหลงเสน่ห์ในกลิ่นหอมของดอกอันสดชื่นอีกด้วย

ต้นโมก ข้อเสีย

ต้นโมกเป็นพืชที่อยู่ในวงศ์ Apocynaceae และมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Wrightia religiosa Benth ซึ่งมีหลากหลายชนิดและหลายสายพันธุ์ในธรรมชาติ แต่ที่นิยมมากที่สุดคือ “ต้นโมก” ซึ่งมีลักษณะเฉพาะตัวที่รู้จักกันโดยทั่วไป ต้นโมกนอกจากจะมีสายพันธุ์หลักที่ขึ้นชื่อ ยังมีชื่อท้องถิ่นต่างๆ เช่น โมกซ้อน, โมกป่า, และโมกพวก ซึ่งลักษณะอาจแตกต่างกันเล็กน้อยจากสายพันธุ์หลัก แต่ยังคงมีความงดงาม และเปี่ยวไปด้วยประโยชน์ใช้สอยอย่างครบถ้วน

ประเภทของต้นโมกหลักๆ ได้แก่:

  • ต้นโมกซ้อน (Wrightia antidysenterica) เป็นต้นโมกที่มีลักษณะใบยาวจัดเป็นรูปรี มีกลิ่นหอมเล็กน้อย ใบมีสีเขียวเข้มและเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ มีดอกสีขาว โมกซ้อนสามารถปลูกได้ทั้งในที่มีร่มเงา และแดดส่องถึงพร้อมกัน แต่ควรหลีกเลี่ยงการปลูกใกล้โคนต้นไม้ใหญ่เพราะอาจทำให้โดนบัง แสงไม่เพียงพอ
  • ต้นโมกพวง (Wrightia religiosa) เป็นต้นโมกที่มีลักษณะใบกว้างเตี้ย หรืออาจมีลักษณะใบเลี้ยงใบเล็กที่มีการซ้อนกัน ดอกของต้นโมกพวงมีสีขาวสะอาดและมีกลิ่นหอมเย็นสบาย ซึ่งแตกต่างจากต้นโมกพวงตรงที่มีกลิ่นแรงกว่า สามารถปลูกได้ทั้งในที่มีแสงแดดแรงและที่แสงน้อย มักนิยมนำมาปลูกประดับทำรั้วบ้าน
  • ต้นโมกป่า (Wrightia tomentosa) มีลักษณะใบเล็กๆ จัดเป็นชั้นๆ ซ้อนกัน สีเขียวอ่อนกลาง ๆ และมีกลิ่นหอมเล็กน้อย ดอกของต้นโมกป่ามีสีขาว ซึ่งเป็นจุดเด่นของต้นไม้ชนิดนี้ มีความต้านทานที่ดีต่อการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แห้งและร้อน จึงเป็นที่นิยมในการลูกในพื้นที่ที่มีอากาศร้อนได้มากๆ
  • ต้นโมกแคระ (Wrightia tinctoria) มีลักษณะใบเล็กแบบยาว สีเขียวเข้ม และมีขนอ่อนบนใบ ดอกของต้นโมกแคระมีสีขาวอ่อน และมีกลิ่นหอมเล็กน้อย
  • ต้นโมกมัน (Wrightia pubescens) มีลักษณะใบเล็กๆ สีเขียวเข้มและมีขนอ่อนบนใบเช่นเดียวกับต้นโมกแคระ ดอกของต้นโมกมันมีขนาดใหญ่กว่าและมีกลิ่นหอมสดชื่นที่เปลี่ยนไปตามเวลา เป็นที่นิยมในการปลูกตกแต่งสวนหลังบ้าน

ในการเรียกชื่อสายพันธุ์หรือชนิดของต้นโมก บ่อยครั้งอาจมีความสับสน แต่ที่สำคัญคือทุกสายพันธุ์ล้วนมีความสวยงามและมีประโยชน์เหมือนกันถ้าได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

ต้นโมกพวง

ต้นโมกเป็นไม้ประดับที่ให้ความสวยงาม และเชื่อกันว่าเป็นมงคล เหมาะสำหรับปลูกหน้าบ้านหรือในสวน เพื่อเพิ่มบรรยากาศที่สวยงาม ร่มรื่น

อย่างไรก็ตาม การปลูกต้นโมกก็มีทั้งประโยชน์และข้อเสียที่ควรพิจารณาดังนี้

  • สวยงามและเพิ่มบรรยากาศที่ดีให้กับบ้าน
  • เชื่อว่ามันนำมาซึ่งความมงคลให้กับเจ้าของบ้าน
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลง่ายๆ และไม่ค่อยมีเวลามากนัก
  • ต้องได้รับการดูแลที่เหมาะสม เช่น มีแสงแดดเพียงพอ ไม่มีน้ำท่วมขัง เป็นต้น
  • ต้นโมกอาจเกิดใบเหลืองหากขาดสารอาหารได้หากดูแลให้ปุ๋ยไม่ถูกต้อง
  • อาจเจอปัญหาแมลงหรือศัตรูพืช เพราะเป็นไม้ดอกที่เพลี้ยต่างๆชอบมาดูดน้ำเลี้ยง
  • ต้องมีการตัดแต่งกิ่งอยู่บ่อยๆ อย่างน้อยทุกๆ 3 เดือน ทำให้เสียค่าจ้างตัดแต่งพอสมควรในแต่ละปี
  • ถ้าเน้นแนวรั้วต้นไม้บังตาได้ทึบอาจจะสู้ต้นไทรเกาหลีไม่ได้ เพราะต้นโมกจะมีใบที่บางกว่า หากต้องการใบแน่นๆควรปลูกเตี้ยไม่ควรสูงเกิน 1 เมตร

ต้นโมกเป็นพืชที่ชอบแสงแดด และมักเติบโตอุดมสมบูรณ์ เช่น ในสวน หรือป่าเบญจพรรณ ความสวยงามของต้นโมกมาพร้อมกับผิวเปลือกสีน้ำตาลดำและลำต้นกลมเรียบ และมีความสูงประมาณ 5 – 12 เมตร คนไทยมักเรียกต้นโมกว่า “ต้นพุทธรักษา” เพราะมีความเชื่อว่าจะช่วยปกป้องภัยอันตรายต่างๆ นอกจากนี้ ต้นโมกยังสามารถปลูกได้ง่ายในบ้านและนำมาซึ่งความสุขให้กับผู้ที่ปลูกด้วย

ต้นโมกนั้นต้องการแสงแดดที่เพียงพอ (อย่างน้อยต้องโดนแสงครึ่งวัน) เพื่อให้ต้นเจริญเติบโตและพัฒนาไปสู่การออกดอกที่สวยงามและสมบูรณ์ เพราาะแสงแดดมีส่วนสำคัญในการสังเคราะห์แสง ทำให้เจริญเติบโต ดังนั้น แสงแดดที่เหมาะสมจะช่วยกระตุ้นให้ต้นโตได้อย่างสมบูรณ์ การเลือกสถานที่ปลูกจึงควรคำนึงถึงแสงแดดที่ต้นจะได้รับ ความต้องการแสงของต้นโมกนั้นควรได้รับแสงแดดอย่างพอเหมาะ เพื่อจะได้ออกดอกที่สวยงามและแตกกิ่งใบได้หนาแน่น

ต้นโมกเป็นพืชที่ชื่นชอบและต้องการแสงแดดมาก เพื่อการเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ การจัดการแสงแดดให้ต้นโมกที่ต้องการนั้นควรมีการวางแผนตามตำแหน่งการรับแสงและระยะเวลาที่ต้นได้รับแสงอย่างน้อยครึ่งวัน ต้นโมกสามารถปลูกในที่ๆมีแสงแดดจัด การปลูกต้นโมกในที่ที่มีแสงแดดจัดจะช่วยให้ออกดอกที่สวยงามและใบเขียวแน่น

การปลูกต้นโมกหน้าบ้านเป็นสิ่งที่ทำได้ และได้รับความนิยมในหมู่คนไทย เพราะต้นโมกเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางที่มีลักษณะโดดเด่น และเติบโตได้ดีในสภาพอากาศเขตร้อน ทั้งยังไม่ต้องการการดูแลก็ไม่ยุ่งยาก แต่ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงขนาดความสูงเป็นสำคัญ โดยให้เลือกต้นที่มีขนาดตั้งแต่ 0.5 เมตร เป็นจนถึง 2.5 เมตร กำลังดี ซึ่งจะได้ไม่ปิดบังทัศนียภาพของตัวบ้านมากเกินไป

ต้นโมก รั้ว

การดูแลต้นโมกให้เจริญเติบโตและแข็งแรงมีหลายอย่างที่ต้องใส่ใจ ตั้งแต่การให้น้ำ แสงแดด การให้ปุ๋ย ไปจนถึงการตัดแต่งกิ่ง และการกำจัดศัตรูพืช ซึ่งการดูแลต้นโมกอย่างเหมาะสมจะช่วยเสริมให้พวกเขาสวยงามได้ตลอดทั้งปี

การให้น้ำต้นโมกเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลรักษา โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอและเพียงพอ ซึ่งต้องให้ทั้งเช้าและเย็น แต่ในช่วงฤดูฝนอาจลดปริมาณน้ำลงเช่นวันละรอบ หรือวันที่มีฝนตกควรรดถัดไปอีก 1-2 วัน เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังที่จะทำให้รากเน่า นอกจากนี้ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าดินที่ปลูกมีการระบายน้ำได้ดี เพื่อป้องกันการชื้นแฉะเกินไป

ต้นโมกชอบแสงแดดจัด ต้องการแสงแดดเต็มที่เพื่อกระบวนการสังเคราะห์แสงและการเจริญเติบโต ควรจัดให้ต้นโมกได้รับแสงแดดอย่างน้อย 6 ถึง 8 ชั่วโมงต่อวัน นอกจากนี้ ควรเลือกที่ปลูกที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี เพื่อลดความเสี่ยงของโรคและแมลงศัตรูพืช

การให้ปุ๋ยหรือธาตุอาหารเป็นประจำเพื่อความสมบูรณ์ของต้นโมก ควรให้ปุ๋ยสูตรต่างๆ ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมักเพื่อเพิ่มอาหารสำหรับต้นไม้และช่วยให้ดอกโมกบานสะพรั่ง ปุ๋ยควรให้ในจำนวนที่เหมาะสม โดยจะให้ครั้งละน้อยๆ แต่เป็นประจำทุกๆ 3-6 เดือน

การตัดแต่งกิ่งช่วยให้ต้นโมกมีทรงพุ่มที่สวยงามและสมส่วน ทั้งยังช่วยกระตุ้นการแตกกิ่งและใบใหม่ที่แข็งแรง ควรตัดแต่งกิ่งแห้ง หรือกิ่งที่ทำให้ต้นไม้ดูไม่สวยออก เพื่อให้แสงแดดและอากาศถ่ายเทสู่ส่วนในของพุ่มได้สะดวกขึ้น การตัดแต่งควรทำอย่างระมัดระวังและเป็นระยะๆ เช่น หลังจากการออกดอกเสร็จสิ้น โดยอาจจะทำทุกๆ 3 เดือน

ในการปลูกต้นโมกพวงหรือต้นโมกป่า การป้องกันและกำจัดศัตรูพืชเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ต้นโมกของคุณสามารถเติบโตได้เต็มที่ ก่อนอื่นควรจะระวังเรื่องโรคที่มีผลต่อต้นโมก เช่น โรคใบเหลืองที่มักเกิดจากการขาดสารอาหาร หรือโรคที่มีสาเหตุมาจากเพลี้ยและเชื้อราระบาด การใช้สารเคมีควรทำอย่างถูกวิธีและระมัดระวังอย่างยิ่งเพื่อไม่ให้ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมหรือสุขภาพของคุณเอง

การใช้วิธีการกำจัดศัตรูพืชที่ปลอดภัย ไม่พึ่งพาสารเคมี นับเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนมากกว่าเพราะนอกจากจะปลอดภัยกับคน สัตว์เลี้ยง สิ่งแวดล้อมแล้ว ยังเป็นการลดต้นเหตุของต้นไม้อ่อนแอที่เกิดจากสารเคมี ซึ่งพอใช้สารเคมีแล้วจะดึงดูพวกศัตรูพืชจำพวกเลือกสีฟ้าเข้ามาระบาดต้นไม้ในพื้นที่

ใบเหลืองของต้นโมกนั้นเกิดจากหลายปัจจัยที่มีผลต่อสุขภาพของต้นไม้ อย่างไรก็ตาม การแก้ไขและป้องกันสามารถทำได้ด้วยการดูแลที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสภาพของต้นโมก ต่อไปนี้เป็นสาเหตุและวิธีการจัดการกับปัญหาใบเหลืองให้กับต้นโมก

  1. การขาดน้ำหรือน้ำมากเกินไป: การรดน้ำที่ไม่สม่ำเสมออาจส่งผลให้ต้นโมกขาดน้ำหรือน้ำท่วมขังจนรากเสียหาย ทำให้แสดงอาการไม่ปกติด้วยใบเหลือง
  2. ปุ๋ยไม่เหมาะสม: การปุ๋ยมากเกินไป ซึ่งมักจะเกิดกับพวกปุ๋ยอินทรีย์ หรือปุ๋ยมูลสัตว์ที่สัมผัสต้นโดยตรง ทำให้ต้นไม้ช็อค เนื่องจากระบบรากมีปัญหา ต้นไม้จึงดูดซึมธาตุอาหารไม่ได้ จึงทำให้ต้นไม้ใบเหลือง
  3. การขาดสารอาหาร: สาเหตุของใบเหลืองในต้นโมกอาจเกิดจากการขาดธาตุอาหารที่สำคัญในการเจริญเติบโตของพืช เช่นไนโตรเจน (nitrogen) ที่เป็นสารอาหารที่ให้พลังงานและกระตุ้นการเจริญเติบโตของต้นโมก หากต้นโมกขาดไนโตรเจนจะทำให้ใบเหลืองและพุ่มสลัดลงได้ นอกจากนี้ธาตุอาหารอื่นๆ เช่นธาตุเหล็ก (iron) และ magnesium (แมกนีเซียม) ก็เป็นสารอาหารที่สำคัญสำหรับต้นโมก การขาดธาตุดังกล่าวอาจทำให้ใบเหลืองและเกิดอาการลักษณะของการขาดสารอาหาร (nutrient deficiency symptoms) ได้
  4. แสงแดด: แสงแดดน้อยเกินไปอาจทำให้ใบเปลี่ยนเป็นสีเหลือง เพราะต้นไม้เองต้องการแสงในกระบวนการสังเคราะห์แสงของพืช
  5. โรคพืชและแมลงศัตรูพืช: โรคต่างๆหรือการรุกรานของแมลงศัตรูพืช โดยเฉพาะเพลี้ยแป้ง เพลี้ยไฟ อาจทำให้ใบเหลืองและส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวมของต้นโมก
  • การให้น้ำอย่างเหมาะสม: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการให้น้ำต้นโมกนั้นพอเพียงและสม่ำเสมอ พยายามอย่าให้ดินแห้ง หรือชื้นแฉะเกินไป
  • การใช้ปุ๋ย: เลือกใช้ปุ๋ยที่เหมาะสมและมีธาตุอาหารที่ครบถ้วนเพื่อช่วยให้ต้นโมกได้สารอาหารที่ต้องการ เช่น ปุ๋ยอินทรีย์ จุลินทรีย์ธาตุอาหารพืช เป็นต้น
  • การตรวจสอบดิน: ทำการตรวจสอบดินเพื่อดูระดับแร่ธาตุและความเป็นกรด-ด่างเป็นประจำ
  • การตัดแต่ง: ถ้าพบกิ่งหรือใบที่เป็นสีเหลือง ควรตัดแต่งกิ่งทุกๆ 3 เดือน เพื่อกระตุ้นการแตกใบใหม่ ลดการสูญเสียสารอาหารและช่วยให้ต้นโมกแตกใบใหม่ที่แข็งแรง
  • กำจัดศัตรูพืชและเชื้อรา: หมั่นสังเกตอาการของต้นไม้ว่ามีลักษะใบหรือยอดอ่อนหยิกงอ ใบไหม้ ใบแห้ง ใบเหลือง หรือไม่ ในทางปฏิบัติอาจจะยากในการสังเกตุพวกเพลี้ยเชื้อราก่อนที่จะเริ่มระบาดหนัก ทางที่ดีแนะนำให้พ่นจุลินทรีย์กำจัดเพลี้ยและเชื้อราให้ชุ่มๆประมาณเดือนละ 1-2 ครั้ง เพื่อเป็นการทำลายต้นเหตุของแมลงศัตรูพืช เพราะถ้าพวกเขาฟักไข่ เมื่อพ่นจุลินทรีย์กำจัดเพลี้ยและเชื้อไปไข่ก็จะฝ่อ ถ้าโดนตัวการแพร่ขยายพันธุ์ หรือระบบดูดอาหารจะถูกทำลาย พวกเขาก็จะตายไปในที่สุด

ต้นโมกเป็นพืชที่ได้รับความนิยมในการปลูกเพื่อความงามและเชื่อว่าเป็นต้นไม้มงคล หลายคนจึงเลือกที่จะปลูกต้นโมกในบ้านเพื่อเสริมความร่วมเย็น ทั้งนี้ ราคาของต้นโมกที่วางจำหน่ายในตลาดนั้น มีความแตกต่างกันไปตามขนาดความสูงของต้น และพื้นที่ โดยต้นโมกราคา ดังนี้:

  • ต้นโมกสูง 0.80 เมตร มีราคาประมาณ 37 บาท
  • ต้นโมกสูง 1-1.2 เมตร มีราคาประมาณ 50 บาท
  • ต้นโมกสูง 1.5-1.7 เมตร มีราคาประมาณ 65 บาท
  • ต้นโมกสูง 2 เมตร มีราคาประมาณ 150 บาท
  • ต้นโมกสูง 3 เมตร มีราคาประมาณ 200 บาท

แหล่งอ้างอิง: Nanagarden

ในการเลือกซื้อต้นโมก ควรพิจารณาสถานที่ที่จะปลูก ขนาดความสูงที่เหมาะสม และงบประมาณ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการใช้สอยและความสวยงามของพื้นที่ กรณีที่ต้องการทราบราคาที่แน่ชัด สามารถติดต่อผู้ขายโดยตรงเพื่อรับข้อมูลที่ตรงกับขนาดและทรงของต้นโมกที่คุณต้องการ ข้อมูลที่เรามีเป็นการสำรวจจากร้านต้นไม้หลายพื้นที่ แล้วนำมาเป็นราคาเฉลี่ยให้เป็นราคากลาง เพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจในการปลูกต้นไม้ต่อไปเท่านั้น

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *