วิธีกำจัดเพลี้ย และเชื้อราแบบวิธีธรรมชาติด้วยจุลินทรีย์

วิธี กำจัด เพลีย

เพลี้ยเกิดจากอะไร ?

“เพลี้ย” เป็นแมลงขนาดเล็กที่สามารถทำลายพืช โดยการดูดท่อน้ำเลี้ยงของต้นไม้ เป็นที่ทราบกันดีว่า “เพลี้ย” สามารถถ่ายทอดโรคไปยังพืชและมนุษย์ได้ ซึ่งชนิดของเพลี้ย ได้แก่ เพลี้ยแป้ง เพลี้ยไฟ เพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยจักจั่น เป็นต้น

เพลี้ยอ่อนเป็นแมลงดูดท่อน้ำเลี้ยงมีขนาดเล็กมาก ที่มาดูดท่อน้ำเลี้ยงพืช ด้วยการใช้ปากอันแหลมคมเจาะเข้าไปยังท่อน้ำเลี้ยงของพืช ถ้ามีการระบาดเป็นจำนวนมาก มักจะไม่ทำให้พืชเสียหายอย่างถาวร หากเพลี้ยจำนวนมากกัดท่อน้ำเลี้ยงตามใบ และลำต้นของพืชต่างๆ ก็จะทำให้พืชชะลอการเจริญเติบโต และจะส่งผลให้ใบ หรือดอกผล ผิดรูปไปจากปกติ

สาเหตุที่แท้จริงของเพลี้ยยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่มี 2 ทฤษฎีเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเพลี้ย คือ

  1. ไข่เพลี้ยมีการกระจาย ถูกลมพัด ลอยไปในอากาศ หลุดออกจากพืชที่ระบาดแล้วไปเกาะที่พืชต้นอื่น
  2. อาจเกิดจากมดที่ติดเชื้อ เป็นพาหะนำเพลี้ยอ่อนจากต้นหนึ่งไปยังอีกต้นหนึ่ง

แต่โดยธรรมชาติของ “เพลี้ย” เขาจะโจมตีพวกพืชที่อ่อนแอ ซึ่งเชื้อราที่เกิดขึ้นในพืช เป็นต้นเหตุที่ทำให้พืชอื่นแอ เมื่อพืชอ่อนแอเวลาเกิดเพลี้ยระบาด ก็จะเสียหายได้หนักกว่าพืชที่แข็งแรง 

กำจัดเพลี้ย

การใช้สารเคมี จึงส่งผลเสียต่อพืช ดิน ผู้ใช้ และผู้บริโภค

การใช้สารเคมีกำจัดเพลี้ย เชื้อรา และศัตรูพืชต่างๆ เหล่านี้ถูกใช้มาประมาณ 50 ปีแล้ว แต่ขณะนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า เป็นอันตราย และถูกห้ามใช้ใน 27 ประเทศ 

ถึงแม้การใช้สารกำจัดศัตรูพืชในการเกษตร จะทำให้มีการผลิตอาหารเพิ่มขึ้น ช่วยให้ประชากรโลกเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม การผลิตอาหารที่เพิ่มขึ้นนี้ ต้องแลกมาด้วยต้นทุน  ผลกระทบด้านลบ จากยาฆ่าแมลงต่างๆ เหล่านี้

จากการวิจัยล่าสุด แสดงให้เห็นว่าสารกำจัดศัตรูพืชเพียงชนิดเดียว สามารถคงอยู่ในดินได้นานหลายปี และดินที่เพาะปลูกพืชผลหนึ่งชนิดนั้น มีสารกำจัดศัตรูพืชหลาย 100 ชนิด ปนเปื้อน และตกค้างอยู่

สารกำจัดศัตรูพืชเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำร้ายพืชเท่านั้น แต่ยังเป็นอันตรายต่อพืช ดิน และผู้ใช้ ตลอดจนผู้บริโภคด้วย

แม้ว่าการใช้สารเคมีอันตรายเหล่านี้ จะลดค่าใช้จ่าย หรือต้นทุนการผลิตได้ แต่ในภาพรวมแล้ว ส่งผลเสียหายต่อภาพรวมเป็นอย่างมาก คือ ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะไม่คุ้มค่ากับความเสียหายในระยะยาว

ดังนั้น การใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ในการกำจัดเพลี้ยและเชื้อรา หรือศัตรูพืช ตลอดจน การเลือกซื้อ หรือสรรหาผลิตภัณฑ์ออแกนิกส์ หรือเกษตรอินทรีย์ มารับประทาน มาใช้ในชีวิตประจำวัน จึงเป็นทางเลือกที่จะส่งผลดีต่อสุขภาพ 

วิธีกำจัดเพลี้ยด้วยวิธีธรรมชาติ ที่ทำตามๆกันมา อาจได้ผลเพียงชั่วคราว 

วิธีกําจัดเพลี้ย ด้วยวิธีธรรมชาติปลอดภัย ไร้สารเคมีนั้น มีหลากหลายวิธีที่นิยมนำมาใช้ในการกำจัดเพลี้ยและเชื้อรา เท่าพบเห็นมักจะมีวิธีการต่างๆ ดังนี้

  • วิธี กำจัด เพลียด้วยน้ำส้มควันไม้
  • การกําจัดเพลี้ย ด้วย น้ําส้มสายชู
  • วิธี กำจัด เพลีย ด้วยใบยาสูบผสมเหล้าขาว
  • วิธี กำจัด เพลีย ด้วยสุมนไพรไล่แมลง
  • การกำจัดเพลี้ยด้วยน้ำหมักชีวภาพ ภูมิปัญญาชาวบ้าน

ซึ่งการกำจัดเพลี้ยด้วยพวกสมุนไพรไล่แมลง น้ำส้มควันไม้ หรือน้ำหมักชีวภาพ ด้วยวิธีการต่างๆข้างบน นั้น มักเป็นการใช้กลิ่นฉุนของสมุนไพร กลบกลิ่นของพืชหลัก เพื่อให้ศัตรูพืชจดจำกลิ่นต้นไม้หลักไม่ได้ วิธีการแบบนี้จะใช้ได้ในระยะเวลาอันสั้น  เพราะศัตรูพืชนั้นเขามีการปรับตัวเอง และเรียนรู้ที่รวดเร็ว จึงอาจจะหลอกได้แค่เพียงครั้ง หรือสองครั้ง เท่านั้น

ถ้าหากจะใช้ไล่ศัตรูพืชตลอดไป ก็ต้องเปลี่ยนกลิ่นฉุนของสมุนไพรทุกครั้งที่ฉีดพ่น ให้ไม่ซ้ำกัน ถึงจะหลอกศัตรูพืชได้ผล ไม่ใช่เป็นการใช้ชนิดหนึ่งชนิดใดแล้วได้ผลตลอดไป อย่างแน่นอน                  

วิธีกำจัดเพลี้ย วิธีธรรมชาติ ด้วยจุลินทรีย์ ใช้ง่าย ได้ผลจริง

สำหรับบทความนี้ เราจะแนะนำวิธี กำจัด เพลียโดยนวัตกรรมชีวภาพ ( หากนึกไม่ออกก็ให้จินตนาการแบบสงครามชีวภาพ หรือการระบาดของไข้หวัดหรือไวรัสร้าย ) ซึ่งเป็นการใช้จุลินทรีย์มีชีวิต ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกันให้ทำลายเพลี้ย เชื้อรา และศัตรูพืช ให้ฝ่อ หรือ ตายไป ไม่ใช่เป็นการไล่ด้วยสมุนไพร หรือการหลอกศัตรูพืชด้วยการเปลี่ยนกลิ่น

ซึ่งนวัตกรรมชีวภาพนี้ เป็นการใช้เอ็นไซม์เข้มข้น ที่ได้จากเอนโดสปอร์ของจุลินทรีย์หลายสายพันธุ์ ซึ่งทำหน้าที่ต่างๆ ดังนี้

  • ช่วยยับยั้งเพลี้ย เชื้อรา และศัตรูพืช 
  • พร้อมช่วยเร่งการเจริญเติบโตของพืชผัก 
  • สร้างความแข็งแรงของขั้วผล 
  • เร่งให้ใบสีเขียวเข้ม 
  • สร้างภูมิต้านทานต่อโรคและแมลง     

กำจัดเพลี้ย

วิธีการกำจัดเพลี้ยและเชื้อราด้วยจุลินทรีย์อีเรฟ ให้ทำตามวิธีการ ดังนี้

  • ผสมจุลินทรีย์กำจัดเพลี้ยและเชื้อราอีเรฟ กับน้ำเปล่า ในอัตราส่วน 50 ซีซี/ น้ำ 20 ลิตร
  • ฉีดพ่นในช่วงเวลาเย็น ตามใบและลำต้นให้ชุ่มทั่วทั้งต้น ทุก 3 วัน/ครั้ง 
  • ผสมน้ำเปล่า ตามอัตราส่วนข้างต้น ราดโคนต้น 2 สัปดาห์/ครั้ง 

หลังจากฉีดพ่นประมาณ 2 สัปดาห์ จะเริ่มเห็นว่าดีขึ้น เพลี้ยลดลง ใบของพืชที่แตกใหม่มีสีสัน สุขภาพดีขึ้น 

จากนั้น ให้ปรับระยะห่างในการฉีดพ่นเป็นสัปดาห์ละครั้ง จนเพลี้ยหมดแล้วค่อยปรับระยะการฉีดพ่นเป็น 1 ครั้ง/เดือน 

อ่านวิธีการใช้งานเพิ่มเติม คลิก

8 ข้อดีของการใช้จุลินทรีย์กำจัดเพลี้ยและเชื้อรา

  1. ปลอดภัย ไร้สารเคมี 
  2. ไม่เป็นอันตรายต่อเด็ก สัตว์เลี้ยง และผู้ใช้
  3. กรณีฉีดพ่นพืชผัก สามารถเก็บรับประทานได้ ปลอดสารเคมีตกค้าง
  4. ใช้งานง่าย ไม่ต้องสวมอุปกรณ์ป้องกัน ผู้หญิงก็สามารถฉีดพ่นเองได้
  5. ไม่มีกลิ่นเหม็น รวบกวนเพื่อนบ้าน
  6. หากใช้กับพืชที่ไม่มีปัญหาเรื่องเพลี้ย จะช่วยเร่งการแตกราก ทำให้พืชหาอาหารได้ดี
  7. ช่วยปรับปรุงคุณภาพดิน กรณีใช้ราดโคนต้น
  8. ช่วยสร้างภูมิต้านทานต่อโรคและแมลงได้ดี

สรุปวิธีกำจัดเพลี้ย

สรุป วิธีการกำจัดเพลี้ยทั้ง 3 แบบ นั้นมีข้อดี ข้อเสีย ที่ต้องนำมาพิจารณา และตัดสินใจเลือกใช้เอาตามความเหมาะสม ดังนี้

  1. การกำจัดเพลี้ยโดยใช้สารเคมี ข้อดี คือราคาถูก แต่ส่งผลอันตรายต่อผู้ใช้ ผู้บริโภค และทำให้ดินเสีย ความต้านทานต่อโรคของพืชอ่อนแอลง
  2. การกำจัดเพลี้ย ด้วยวิธีใช้สมุนไพรไล่ ข้อดี คือต้นทุนต่ำ แต่อาจจะไม่ได้ผล หรือได้ผลเพียงในระยะสั้นๆ เท่านั้น
  3. การกำจัดเพลี้ยด้วยจุลินทรีย์ ต้นทุนอาจจะสูงกว่า 2 แบบแรก แต่ส่งผลดีต่อผู้ใช้ เด็ก สัตว์เลี้ยง พืชมีภูมิต้านทานต่อโรคและแมลงดีขึ้น คุณภาพดินดีกว่าเดิม เพราะจุลินทรีย์ในดินไม่ถูกทำลาย

สั่งซื้อสินค้าอีเรฟ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ :

https://www.erevthai.com

https://organicslife.com/shop

https://shop.line.me/@erevthai

Line : @erevthai

โทร : 083-291-1495

erevthai

Rating: 5 out of 5.