สุขภาพดี วิถีออแกนิค

Probiotics กับ Postbiotics 2 ตัวนี้ เลือกอะไรดีมีประโยชน์มากกว่ากัน

Prebiotics

ที่ผ่านมาเราจะคุ้นเคยกับ พรีไบโอติก (Prebiotics) และ โปรไบโอติก (Probiotics) มากกว่า โพสต์ไบโอติก (Postbiotics) เพราะทั้ง 2 ตัวนี้ดีต่อระบบย่อยอาหารของลำไส้

คนมักจะคุ้นเคยคำว่า Prebiotics กับ Probiotics

หากคุณเป็นคนที่สนใจเรื่องสุขภาพ และติดตามข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพมาบ้าง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเราจะได้ยินและคุ้นเคยเกี่ยวกับคำว่า พรีไบโอติก (Prebiotics) และ โปรไบโอติก (Probiotics) เป็นอย่างมาก

เพราะทั้งพรีไบโอติก และโปรไบโอติก นั้นเกี่ยวข้องกับการช่วยรักษาระบบการย่อยอาหารให้แข็งแรงและสม่ำเสมอ รวมถึงประโยชน์ด้านอื่นๆที่มีต่อสุขภาพอีกหลายประการเลยทีเดียว

probioticsกับprebiotics

Postbiotics อาจจะไม่เป็นที่รู้จักมากนัก

ถ้าพูดถึงเกี่ยวกับโพสต์ไบโอติก (Postbiotics) อาจจะไม่เป็นที่รู้จัก คุ้นเคยมากนัก ถ้าเทียบกับน้อยกว่าทั้งพรีไบโอติก (Prebiotics) และโปรไบโอติก Probiotics)

แต่ข้อมูลการวิจัยล่าสุดนี้ ชี้ให้เห็นว่า โพสต์ไบโอติก (Postbiotics) มีบทบาทสำคัญเท่าเทียมกันในการรักษาและฟื้นฟูสุขภาพของคนเราไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพมากมายที่เกิดจากพรีไบโอติก นั้นก็เกิดขึ้นได้จากโพสต์ไบโอติก เช่นเดียวกัน

Postbiotics คืออะไร ?

โพสต์ไบโอติก (Postbiotics) เป็นผลพลอยได้จากกระบวนการหมักแบคทีเรียชนิดดี ที่เกิดจากโปรไบโอติกในลำไส้ หรือจะพูดเพื่อให้เข้าใจง่ายๆก็คือ เมื่อโปรไบโอติกกินพรีไบโอติกส์เข้าไป ก็จะเกิดกระบวนการผลิตโพสต์ไบโอติก ที่เป็น “ของเสีย” ของโปรไบโอติก แต่ของเสียนี้จะมีประโยชน์ต่อร่างกายมหาศาล เนื่องจากได้จากการหมักแล้ว ทำให้ร่างกายดูดเอาโพสต์ไบโอติกไปใช้งานได้ทันที

Postbiotics ช่วยส่งเสริมสุขภาพอย่างไร

ถ้าพูดว่า Postbiotics คือของเสีย จากการหมักของแบคทีเรียนั้น อาจจะดูเหมือนไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายคนเรามากนัก แต่ที่จริงแล้ว Postbiotics นั้นมีหน้าที่ส่งเสริมสุขภาพที่สำคัญหลายอย่างในลำไส้ของคนเรา ตัวอย่างของ postbiotics ที่เราพอจะรู้จัก ได้แก่

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นผลมาจากการดำรงอยู่และการอยู่รอดของจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในลำไส้ของคนเราโดยธรรมชาติ แม้ว่าจะสามารถเพิ่มได้โดยตรงผ่านกระบวนการบำบัดก็ตาม

ความสัมพันธ์ระหว่างพรีไบโอติก โปรไบโอติก และโพสต์ไบโอติก

แม้ว่าชื่ออาจจะคล้ายกันมาก อาจมีองค์ประกอบที่แตกต่างกัน แต่ยังคงมีความเกี่ยวข้องกัน ซึ่งนี่คือข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับไบโอติก ทั้ง 3 ตัว

พรีไบโอติก คืออะไร?

เป็นสารอาหารที่เปลี่ยนองค์ประกอบของจุลินทรีย์ในลำไส้ โดย “อาหาร” นี้ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียกลุ่มที่ดีต่อร่างกายของคนเรา พรีไบโอติกส่วนใหญ่จะเป็นพวกใยอาหาร (Fiber) เช่นเดียวกับที่มักจะพบใน ผัก ผลไม้ และธัญพืชที่ไม่ขัดสี เป็นต้น

โปรไบโอติก คืออะไร?

คือกลุ่มจุลินทรีย์ที่อยู่ในลำไส้ของคนเรานั่นเอง สิ่งเหล่านี้ช่วยส่งเสริมระบบสุขภาพของเรา และระบบนิเวศของจุลินทรีย์ ทำหน้าที่ต่างๆ ได้แก่

เราจะพบโปรไบโอติกเหล่านี้ในอาหาร เช่น โยเกิร์ต คีเฟอร์ คอมบูชา และกิมจิ เป็นต้น

โพสต์ไบโอติก คืออะไร?

โพสต์ไบโอติก คือ เมตาบอไลต์ (Metabolites) ของโปรไบโอติก หรือส่วนประกอบที่เกิดจากการทำงานของโปรไบโอติกในลำไส้ เช่น การหมัก เนื่องจากจุลินทรีย์ในลำไส้กินเส้นใยพรีไบโอติก ผลของการหมัก หรือผลจากการย่อยอาหารนั้น เรียกว่า โพสต์ไบโอติก (Postbiotics)

ผลการวิจัยล่าสุด มีหลักฐานชัดเจนว่า คุณประโยชน์เชิงบวกต่างๆที่เราได้รับจากโปรไบโอติกนั้น แต่แท้จริงแล้วล้วนเกิดจาก postbiotics นั่นเเอง

หากสรุปเป็นภาษาพูด เพื่อให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ

สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราเข้าใจความสัมพันธ์ทางชีวภาพ ระหว่างจุลินทรีย์ในลำไส้ กับมนุษย์ ในระดับที่ลึกซึ้งได้ดียิ่งขึ้น

อาหารที่ช่วยเพิ่มความเข้มข้นของ Postbiotics

เนื่องจากโพสต์ไบโอติกเป็นผลพลอยได้จากการหมักโปรไบโอติก ซึ่งเป็นแหล่งที่มาโดยตรงของโพสต์ไบโอติก

เพื่อเพิ่มความเข้มข้นของ postbiotics ในลำไส้ของมนุษย์เรา จึงควรรับประทานอาหารต่างๆ เหล่านี้ ที่จะช่วยเพิ่มความเข้มข้นของ Postbiotics ในร่างกายของเรา ซึ่งได้แก่

นอกจากการรับประทานอาหาร ตามรายการข้างต้นแล้ว ปัจจุบัน Postbiotics สามารถผลิตและสกัดในห้องปฏิบัติการได้แล้ว เพื่อใช้ในการรักษาโรคต่างๆ โดยสามารถทำเป็นยาเม็ดแคปซูล เพื่อรับประทานได้สะดวกโดยตรง ในรูปของเยา และอาหารเสริม

ซึ่งในประเทศไทย ก็มีผลทดลองจากภาควิชาเคมี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ Postbiotics นี้ก็ได้รับรองจาก อย. ถูกต้อง โดสามารถเข้าไปศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://organicslife.co

BPL Postbiotics

Postbiotics ดีต่อสุขภาพอย่างไร

1. ช่วยลดน้ำตาลในเลือดและป้องกันโรคอ้วน

การขาดความสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ มีส่วนทำให้เกิดโรคอ้วน และการดื้อต่ออินซูลิน มีการแสดงส่วนประกอบของแบคทีเรีย postbiotic ที่เรียกว่า muramyl dipeptide เพื่อบรรเทาอาการแพ้น้ำตาลกลูโคสโดยการเพิ่มความไวของอินซูลิน ในขณะที่ยังคงต้องมีการทดลองเพิ่มเติมเพื่อให้เข้าใจกลไกนี้อย่างเต็มที่ แต่ดูเหมือนว่า postbiotic นี้มีบทบาทสำคัญในการต่อสู้กับโรคเบาหวาน ก่อนเกิดโรคเบาหวาน และโรคเบาหวานประเภท 2

2. ช่วยรักษาอาการท้องร่วง

เป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่าอาหาร และอาหารเสริมโปรไบโอติกมีประสิทธิภาพในการรักษาอาการท้องร่วง จากการสังเกตอย่างใกล้ชิด พบว่าผลไม่ได้เกิดจากการมีปฏิสัมพันธ์โดยตรงระหว่างแบคทีเรียกลุ่ม “ดี” กับเยื่อบุลำไส้ แต่เกิดจากผลิตภัณฑ์เมตาบอลิซึมที่ปล่อยออกมาจากโปรไบโอติก

3. มีคุณสมบัติต้านการติดเชื้อ

หนึ่งในหน้าที่หลักของโปรไบโอติกและโพสต์ไบโอติกคือการทำให้ลำไส้มีระบบนิเวศน์ที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ดี ดังนั้นจึงไม่อนุญาตให้มีปริมาณของแบคทีเรียที่ติดเชื้อได้ การต้านแบคทีเรียโดยตรงของโพสต์ไบโอติก จึงช่วยต่อสู้กับการติดเชื้อได้ดี

4. ช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันในทารก และผู้ที่มีภาวะภูมิบกพร่อง

สำหรับผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง (ภูมิคุ้มกันบกพร่องหรืออ่อนแอ) หรือทารก โปรไบโอติกอาจไม่สามารถช่วยในเรื่องนี้ได้ แต่ Postbiotics ที่เป็นสารประกอบหลังไบโอติกนั้นสามารถทนต่อยาได้ดีกว่ามาก และช่วยลดการอักเสบที่เป็นปัญหาได้

มีงานวิจัยชิ้นหนึ่ง ที่พบบทบาทของโปรไบโอติก และ postbiotics ในการรักษา Nectrotizing enterocolitis ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตในทารกแรกเกิด และเป็นหนึ่งในภาวะฉุกเฉินทางเดินอาหารที่พบบ่อยที่สุด ในการศึกษาเพิ่มเติม พบว่าการใช้โพสต์ไบโอติก ร่วมกับพรีไบโอติก เป็นทางเลือกที่เป็นไปได้ หรืออาจจะเสริมโปรไบโอติก ไปด้วยก็ยิ่งดี

5. ช่วยลดการอักเสบ

ตามความเป็นจริงแล้ว ผู้ป่วยที่เป็นโรคลำไส้อักเสบ (IBD) อาจไม่ได้รับประโยชน์จากการใช้โปรไบโอติก แต่ Postbiotics นั้น ช่วยป้องกันการอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อได้

นอกจากนี้ Postbiotics และโปรไบโอติกยังทำงานร่วมกัน ที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของมนุษย์ โปรไบโอติกผลิต postbiotics ซึ่งจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของคนเรา

บทสรุปเกี่ยวกับ Postbiotics

ต่อจากนี้เราอาจจะได้ยินเกี่ยวกับ postbiotics มากขึ้นเรื่อยๆ และในอีกไม่กี่เดือนต่อจากนี้ โพสต์ไบโอติกน่าจะกลายเป็นองค์ประกอบที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพในอาหาร และกระบวนการย่อยอาหารของคนเรามากขึ้นๆ

สิ่งที่เราเรียกว่า “อาหารเสริม” อาจจะไม่ได้แปลว่าเป็นแค่อาหารเสริมอีกต่อไป ถ้ามันช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คน ให้มีสุขภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม การสร้างเสริมสุขภาพที่ดี ไม่ใช่แค่การรับประทานอาหารเสริมเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับการทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย การออกกำลังกายสม่ำเสมอ

หากคุณทำสิ่งเหล่านี้ และเพิ่มการทานอาหารที่ช่วยเพิ่มความเข้มข้นของ postbiotic จะทำให้สุขภาพโดยรวมของคุณดีขึ้นได้อย่างแน่นอน

เรียบเรียงจาก

https://www.chiropractor-schaumburg.com

บทความเกี่ยวกับ Postbiotics

รายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อีเรฟ คลิกที่นี่

สั่งซื้อได้ที่เว็ป :

https://organicslife.co/product/bpl/

หรือสั่งซื้อได้ที่เพจ :

https://www.facebook.com/postbiotic108

สั่งซื้อผ่านไลน์ช้อป :

https://shop.line.me/@erevthai

Line ID : @erevthai

Rating: 5 out of 5.
Exit mobile version